รายวิชา ประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส22102 คุณครูผู้สอน คุณครูชาญวิทย์ ปรีชาพาณิชพัฒนา โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

ข่าว

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558

คาบสมุทรเกาหลี

คาบสมุทรเกาหลี ก็ถือเป็นอีกหนึ่งดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานแห่งหนึ่งในโลก คาบสมุทรนี้เริ่มต้นจากการเป็นดินแดนของผู้คนหลายเผ่าพันธุ์ที่อยู่ดันแบบกระจัดกระจาย จากนั้นจึงค่อยๆรวมตัวกันขึ้นเป็นอาณาจักรเล็กๆ ก่อนจะถูกจีนยึดครองในที่สุด แต่ภายหลังที่ได้รับเอกราชจากจีน ก็สามารถก่อกำเนิดเป็นประเทศเกาหลีได้ในที่สุด
ก่อนที่อาณาจักรทั้งหลายในคาบสมุทรเกาหลีจะรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว คาบสมุทรเกาหลีแบ่งแยกออกเป็น 3 อาณาจักรใหญ่  และแบ่งการปกครองเป็นราชวงศ์ 2 ราชวงศ์ หลังจากนั้นคาบสมุทรเกาหลีก็ตกอยู่ใต้อาณานิคมของญี่ปุ่น และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง เกาหลีก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเทศ ได้แก่ ‘เกาหลีเหนือ’ และ ‘เกาหลีใต้’ ซึ่งแม้ว่าจะมีความพยายามในการรวมสองประเทศเข้าด้วยกันมาโดยตลอด แต่ในปัจจุบันความพยายามนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
สามารถแบ่งยุคสมัยของคาบสมุทรเกาหลีออกได้ดังต่อไปนี้

ยุคเผ่า

ดินแดนบนคาบสมุทรเกาหลีในยุคแรก ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์ โดยเชื่อกันว่าเผ่าพันธ์ุแรกที่ปรากฏบนคาบสมุทรเกาหลี ก็คือ ‘เผ่าโชซอนโบราณ’ ที่มีมาตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 143 – 243 และตั้งถิ่นฐานอยู่ทางตอนเหนือของดินแดนนี้ ส่วนเผ่าอื่นๆก็มีอยู่อีกมากมาย ได้แก่ ‘เผ่าพูยอ’ ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำซุงคารีแถบแมนจูเรียเหนือ ‘เผ่าโกคูรยอ’ ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำพมากและแม่น้ำอัมนูก ‘เผ่าโอกจอ’ ตั้งอยู่บริเวณมณฑลฮัมกยอง ‘เผ่าทงเย’ ตั้งอยู่บริเวณมณฑลคังวอน และ ‘เผ่าสามฮั่น ได้แก่ มาฮั่น ชินฮั่น และพยอนฮั่น’ ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำฮั่นและแม่น้ำนักดงทางตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี

พระมหากษัตริย์ในตำนาน

ตำนานการกำเนิดของชนชาติเกาหลี มีเรื่องเล่าไว้ว่า ‘เจ้าชายฮวางวุง’ ผู้เป็นโอรสของเทพเจ้าสูงสุดบนสวรรค์ ได้ลงมาจุติบนโลกมนุษย์ พร้อมทั้งได้สร้างครอบครัวกับหญิงที่มีกำเนิดจากหมี และมีโอรสชื่อ ‘ตันกุน’ พวกเขาทั้งหมดอาศัยอยู่บนภูเขาแตแบกซาน และต่อมาบริเวณนี้ก็กลายเป็น อาณาจักรโชซอนโบราณ ที่มีมาตั้งแต่ 1790 ปีก่อนพุทธศักราชนั่นเอง
เมื่อ พ.ศ. 434  จีนได้เข้ามายึดครองดินแดนบริเวณคาบสมุทรเกาหลี โดยมีจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ หรือ กวนอู่ตี้ ยกทัพเข้ามายึดครองดินแดนของอาณาจักรโชซอนโบราณแห่งนี้ พระองค์ได้จัดแจงแบ่งดินแดนเกาหลีออกเป็น 4 มณฑล ได้แก่ อาณาจักรนังนัง ชินบอน อิมดุน และฮยอนโท อย่างไรก็ตาม จีนไม่ได้เข้าปกครองดินแดนทั้งหมดของเกาหลี แต่เข้าปกครองเพียงแค่อาณาจักรนังนังเพียงมณฑลเดียวเท่านั้น จนเมื่อ พ.ศ. 856 ชนเผ่าโคกุรยอก็สามารถกลับเข้ายึดครองมณฑลนังนังได้สำเร็จ และทำการขับไล่จีนออกไปจากดินแดนของตน ทั้งนี้ การที่เกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นของจีน ก็เป็นผลให้เกาหลีได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีนมาอย่างมากมาย เช่น ตัวอักษร ศาสนาพุทธ หรือศาสนาขงจื้อ เป็นต้น

ยุคสามก๊ก และราชอาณาจักรทั้ง 3 ของเกาหลี

หลังจากที่เกาหลีเป็นเอกราชจากจีนแล้ว ดินแดนเกาหลีในขณะนั้นก็ถูกแบ่งออกเป็น 3 อาณาจักร ได้แก่
อาณาจักรโกคูรยอ ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของคาบสมุทรเกาหลี อาณาจักรแห่งนี้มีความเข้มแข็งมากขึ้นจากการที่ราชวงศ์ฮั่นล่มสลาย และสามารถขยายอำนาจเข้ายึดครองมณฑลนังนังจากจีนได้
อาณาจักรแพกเจ เป็นหนึ่งในชนเผ่าย่อยของเผ่าพูยอที่อพยพหนีลงมาทางใต้ ก่อนที่พวกเขาจะเข้ายึดครองอาณาจักรอื่นรวมถึงเผ่าฮั่นดั้งเดิมด้วย
อาณาจักรชิลลา ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ อาณาจักรนี้ถูกพัฒนาขึ้นจากเผ่าซาโร ซึ่งแม้ในช่วงแรก อาณาจักรชิลลาจะยังไม่ค่อยมีความเข้มแข็งมากนัก แต่พวกเขาก็พยายามผูกมิตรกับอาณาจักรโคกุรยอมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อสงครามระหว่างอาณาจักรโคกุรยอกับแพกเจผ่านพ้นไป อาณาจักรชิลลาก็สามารถเพิ่มความเข้มแข็งขึ้นได้มากขึ้น และในที่สุดก็สามารถยึดครองลุ่มแม่น้ำฮั่นและลุ่มแม่น้ำนักดงได้สำเร็จ

ยุคอาณาจักรเอกภาพ อาณาจักรซิลลา

หลังจากที่อาณาจักรชิลลาเข้มแข็งมากขึ้น อาณาจักรแพกเจจึงจำเป็นต้องหันไปผูกสัมพันธ์กับอาณาจักรโกคูรยอแทน ในขณะที่ อาณาจักรชิลลาก็หันไปร่วมมือกับราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถังของจีน ทำให้เกิดเป็นกองกำลังผสมของสองชนชาติขึ้น และสามารถเข้ายึดครองอาณาจักรแพกเจได้สำเร็จในปี พ.ศ.1203 จากนั้นก็เข้ายึดครองอาณาจักรโกคูรยอใน พ.ศ.1211
ต่อมาในปี พ.ศ.1278 อาณาจักรชิลลากับราชวงศ์ถังก็เกิดผิดใจกัน ทำให้อาณาจักรชิลลาบุกเข้ายึดอาณาจักรโกคูรยอคืนมาจากจีน และสามารถเข้ายึดคาบสมุทรเกาหลีกลับมาได้อย่างสมบูรณ์
อาณาจักรชิลลาเจริญที่สุดในยุคของกษัตริย์คยองตอก แต่ด้วยความขัดแย้งในหมู่เชื้อพระวงศ์และมีการปฏิวัติบ่อยครั้ง จึงทำให้อาณาจักรต้องล่มสลายลงในเวลาต่อมา โดยสาเหตุหลักของการสิ้นสุดอำนาจ เกิดมาจากการต่อต้านอำนาจรัฐของกลุ่มชาวนาและกลุ่มอำนาจท้องถิ่น โดยมี วังกอนเป็นผู้นำในการต่อต้าน และต่อมาก็ได้สถาปนาเป็นราชวงศ์โครยอขึ้น

ยุคอาณาจักรเหนือใต้

หลังจากที่อาณาจักรโกคูรยอและอาณาจักรแพกเจแตกสลายไปแล้ว ก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งพยายามที่จะรวบรวมประชาชนชาวโกคูรยอที่ถูกทัพชิลลาโจมตี เพื่ออพยพย้ายผู้คนถิ่นฐานขึ้นไปทางตอนเหนือ และก่อตั้งเป็น ‘อาณาจักรบัลแฮ’ ขึ้น ในขณะที่ทางตอนใต้ อาณาจักรชิลลาก็มีการผสานรวมแผ่นดินของอาณาจักรโกคูรยอ อาณาจักรแพกเจ และอาณาจักรชิลลาเดิมเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ในยุคนี้ปรากฎเป็น 2 อาณาจักรใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางเหนือและใต้ และเป็นที่มาของชื่อยุคที่ว่า “ยุคอาณาจักรเหนือใต้”

ยุคสามอาณาจักรหลัง

หลังจากที่อาณาจักรบัลแฮล่มสลาย ประชาชนก็พากันหนีตายลงมาที่อาณาจักรโกคูรยอเดิมทางตอนใต้ โดยมีเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรบัลแฮเป็นผู้นำ และทำการสถาปนาอาณาจักรใหม่ขึ้นมา โดยให้ชื่อว่า “ อาณาจักรโกคูรยอ” พร้อมสถาปนาตนเองป็นกษัตริย์นามว่า “พระเจ้ากุงแย” ในขณะที่ ชาวแพกเจที่อาศัยอยู่ที่อาณาจักรชิลลา ก็รวมตัวกันก่อกบฏขึ้นภายใต้การนำของ “คยอน ฮวอน” จากนั้นจึงย้ายถิ่นฐานไปที่บริเวณอาณาจักรแพกเจเดิม แล้วให้ชื่อว่า “อาณาจักรแพกเจ” พร้อมสถาปนาตนเองขึ้นเป็น “พระเจ้าคยอน ฮวอน” จากนั้นจึงทำการกบฏต่ออาณาจักรรวมชิลลา ทำให้อาณาจักรชิลลาเกิดความวุ่นวายไปทั่ว

ยุคอาณาจักรโครยอ

พ.ศ. 1486  “วังฮูมา” สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์แทโจแห่งราชวงศ์โคเรียว ซึ่งถือเป็นอาณาจักรที่เจริญที่สุดในสมัยกษัตริย์มุนจง เนื่องจากมีความเจริญด้านพระพุทธศาสนามาก นอกจากนี้ ก็ยังมีการทำสงครามกับญี่ปุ่นและมองโกล อีกทั้งถูกจีนควบคุมในสมัยราชวงศ์หยวนด้วย แต่เมื่อราชวงศ์หยวนของจีนอ่อนแอลง อาณาจักรโครยอก็ยังต้องพบกับปัญหาโจรสลัดญี่ปุ่น รวมถึงการรุกรานของราชวงศ์หมิงต่อ แต่พอถึงในปี พ.ศ. 1935 ฝ่ายทหารก็สามารถยึดอำนาจนายพลอีซองกเยได้ และเป็นจุดเริ่มต้นของราชวงศ์ใหม่ในที่สุด

ยุคราชวงศ์โชซอน

นายพล ลี ซองเก ยกตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์แทโจในราชวงศ์โชซอน และเขาก็ได้ส่งเสริมให้ลัทธิขงจื้อกลายเป็นลัทธิประจำชาติเกาหลีด้วย อีกทั้ง ยังลดอิทธิพลของพุทธศาสนาลง  ส่วนในสมัยของกษัตริย์เซจงมหาราช พระองค์ก็ทรงประดิษฐ์อักษรฮันกึลขึ้น เพื่อเอาไว้ใช้เป็นภาษาในการสื่อสารแทนอักษรจีน แต่เพราะความขัดแย้งกับชาติตะวันตกในเรื่องคริสต์ศาสนา รวมถึงความแตกแยกในหมู่ขุนนาง จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราชวงศ์นี้เสื่อมสลายลง และในไม่นาน ระบอบกษัตริย์ก็ถูกล้มล้างไปในที่สุด

การถูกญี่ปุ่นยึดครอง และการเคลื่อนไหวเพื่ออิสรภาพ

ในศตวรรษที่ 19 เกาหลียังคงเป็นประเทศที่เรียกว่า “อาณาจักรแห่งฤาษี” หรือมีความหมายว่า พวกเขาการปฏิเสธความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ากับชาติตะวันตก แต่คาบสมุทรเกาหลีก็ยังเป็นบริเวณที่หลายประเทศในเอเชียและในยุโรป ต้องการอยากจะเข้ามาครอบครอง ซึ่งเมื่อญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่ได้ชัยชนะเหนือจีนและรัสเซีย จึงทำให้ญี่ปุ่นสามารถผนวกเอาเกาหลีเข้าเป็นอาณานิคมได้ในที่สุด
เนื่องจากเกาหลีตกอยู่ใต้การปกครองของญี่ปุ่น จึงทำให้คนเกาหลีส่วนใหญ่เกิดความรักชาติ และเกิดการประท้วงขึ้นเมื่อญี่ปุ่นประกาศห้ามไม่ให้ชาวเกาหลีเรียนภาษาเกาหลีในโรงเรียน สุดท้ายญี่ปุ่นจึงต้องใช้อำนาจอย่างโหดร้ายในการควบคุมกลุ่มผู้ประท้วงและผู้สนับสนุนที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งนี้ จนยังผลให้เกิดผู้เสียชีวิตหลายพันคน และแม้ว่าการประท้วงครั้งนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่การเคลื่อนไหวเพื่ออิสรภาพครั้งนี้ ก็ทำให้ชาวเกาหลีเกิดความผูกพัน เป็นหนึ่งเดียวกัน และเกิดความรักชาติมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดก็นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และมีการซุ่มสะสมกองกำลังติดอาวุธในแมนจูเรีย เพื่อจุดมุ่งหมายในการต่อต้านลัทธิอาณานิคมของญี่ปุ่น
ในยุคอาณานิคมนี้ ญี่ปุ่นพยายามเรียกหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากเกาหลีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวเกาหลีต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบอาณานิคมของญี่ปุ่นไปอย่างยาวนาน จนมาสิ้นสุดลงในปี 1945 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
koreawar

การก่อตั้งสาธารณรัฐเกาหลี

แม้ว่าเกาหลีจะหลุดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นแล้ว เนื่องจากการที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2  แต่อิสรภาพที่ชาวเกาหลีต้องการก็ยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเกิดการแบ่งแยกเพราะความแตกต่างทางอุดมการณ์ ทำให้ความพยายามที่เกาหลีจะจัดตั้งรัฐบาลอิสระต้องจบลง เมื่อกองทัพของสหรัฐอเมริกาเข้ายึดครองดินแดนทางตอนใต้ของคาบสมุทร ในขณะที่ โซเวียตก็เข้ายึดครองดินแดนทางตอนเหนือเช่นกัน ทำให้สมัชชาใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ ก็ได้มีมติในการแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยการกำหนดให้เกิดการจัดการเลือกตั้งในเกาหลี ในเดือนพฤศจิกายน ปี 1947 ทั้งนี้ การเลือกตั้งยังคงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมาธิการองค์การสหประชาชาติด้วย
แต่ความวุ่นวายยังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อสหภาพโซเวียตยืนยันที่จะปฏิเสธการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมถึงปฏิเสธคณะกรรมาธิการองค์การสหประชาชาติ ที่จะเข้าไปดูแลตอนเหนือของเกาหลีด้วย ทำให้สมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ ต้องแก้ปัญหาโดยการจัดการเลือกตั้งในพื้นที่ที่คณะกรรมาธิการองค์การสหประชาชาติมีสิทธิที่เข้าไปได้เท่านั้น ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้นับเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในประเทศเกาหลี ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 1948 และเป็นจุดกำเนิดให้เกาหลีถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ที่เส้นขนานที่ 38 อันได้แก่ เกาหลีเหนือ และ เกาหลีใต้ นั่นเอง
ซึงมันลี
ประธานาธิบดีคนแรกแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ก็คือ “ซึงมันลี” ผู้จบการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมต่อสู้เพื่ออิสรภาพของเกาหลีด้วย อีกทั้ง ซึงมันลี ยังเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลแบ่งส่วนในเกาหลีใต้ด้วย ในขณะที่ เกาหลีเหนือก็มีการปกครองที่แตกต่างกันออกไป โดยมีคิม อิลซุง ผู้ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต เป็นผู้นำการปกครองในรูปแบบคอมมิวนิสต์
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1950 เกาหลีเหนือได้เริ่มต้นประกาศสงครามกับเกาหลีใต้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นสงครามที่กินเวลานานถึง 3 ปี ทั้งกองกำลังสหรัฐอเมริกา จีน และชาติอื่นๆ ต่างพากันเข้าร่วมรบกันอย่างมุ่งมั่น และเป็นผลให้เกิดความเสียหายต่อคาบสมุทรนี้อย่างย่อยยับ จนเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 1953 สงครามครั้งนี้จึงได้สิ้นสุดลง และแม้ว่าการปกครองประเทศของประธานาธิบดีลี จะทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างมหาศาล  แต่สุดท้าย เขาต้องออกจากตำแหน่ง เนื่องมาจากการเกิดจลาจลของเหล่านักศึกษา ที่ทำการประท้วงในด้านการทุจริต และการฉ้อโกงเงินประเทศ
ประเทศเกาหลีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม และถือเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 ภายใต้การปกครองของ “พัค จองฮี” นายพลที่ยึดอำนาจจากรัฐบาล ซึ่งทำให้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น “มหัศจรรย์แห่งแม่น้ำฮัน” แต่สุดท้ายในปี 1979 ประธานธิบดีพัคก็ถูกลอบสังหารในที่สุด
ในปี 1987 เป็นช่วงปีที่ระบอบการเลือกตั้งแบบประธานาธิบดีที่มาจากเสียงของประชาชนเข้ามามีบทบาทในประเทศเกาหลี แต่ก็ยังพบว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก จนกระทั่งเกิดประชาธิปไตยภาคประชาชนขึ้นอีกครั้งในปี 1993
ในปี 1998 กรุงโซลในเกาหลีใต้ได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค และได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2002 อีกด้วย เกาหลีได้พยายามแสดงมรดกทางวัฒนธรรม พร้อมกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันล้ำสมัยออกสู่สายตาของคนทั่วโลกอยู่เสมอ โดยแสดงออกผ่านทางการค้า และการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ และแม้ว่าในช่วงปี 1950 ประเทศเกาหลีจะถูกจัดอันดับการเป็นประเทศที่ยากจนที่สุด แต่ในปัจจุบันกลับพบว่า เกาหลีสามารถถีบตัวเองขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆของโลกได้แล้ว แม้ว่าผลพวงจากสงครามเย็นจะยังคงหลงเหลืออยู่ในคาบสมุทรเกาหลี แต่สาธารณรัฐเกาหลีก็ยังสามารถเติบโตทางประชาธิปไตยและเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังพบว่า เกาหลียังถือเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในเวทีเศรษฐกิจโลกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น